Skip to main content

ผู้สูงวัย

"ผู้สูงอายุ" หรือ​ “วัยชรา”.

   วัยชราหมายถึงวัยใกล้หมดอายุขัยของมนุษย์​  ดังนั้นจึงเป็นจุดสิ้นสุดของวงจรชีวิตมนุษย์
เป็นช่วงชีวิตหลังวัยหนุ่มสาวและวัยกลาคน 
โดยปกติจะมีการอ้างถึงภาวะเสื่อมชราภาพ
คนอายุมากมักมีความสามารถในการฟื้นฟู
ส่วนที่สึกหรอ​ภายในร่างกายได้น้อยและมีความอ่อนแอต่อโรค, ​อาการบาดเจ็บและความเจ็บป่วยมากกว่าคนที่อายุน้อยกว่า​ และคนคนหนึ่งจะมีอายุขัยยาวหรือสั้นเมื่อถึงวัยสูงอายุ
จะมีลักษณะอย่างไร
ขึ้นอยู่กับการควบคุมของจีน(gene)ร่วมกับ
ผลของสิ่งแวดล้อมฉะนั้น​อายุจึงไม่สามารถ
กำหนดได้แน่ชัดแตกต่างกันไปตามบริบท
สหประชาชาติเห็นพ้องกันว่า​ 65​ ปี​ ขึ้นไปอาจแสดงว่าเป็นยุคชรา​ แต่อย่างไรก็ตาม
สำหรับการศึกษาอายุของคนในทวีปแอฟริกา องค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนด 55​ ปีขึ้น
เป็นวัยชรา​ สำหรับประเทศไทย​ 60​ ปีขึ้นไป
​เช่นนี้แล้วคำจำกัดความของวัยชรา
ตามอายุขัย​คงมีการ​เปลี่ยนแปลงไม่แน่นอน
บทความ​ในวารสารวิทยาศาสตร์​ธรรมชาติ
ได้นำเสนอว่าอายุการใช้งานของมนุษย์เฉลี่ย
สูงสุดอยู่ที 115 ปี​ มีขีดจำกัดสูงไม่เกิน 125 ปี
แต่ความเป็นจริงมนุษย์​ที่มีอายุขัยเกิน​ 125​ ปี
ก็มีให้พบเห็นเช่น​ Hunza​ ของปากีสถาน,
Vilcabamba ของเอกวาดอร์​ และเหอเถียน​
ของเขตปกครองตนเอง​ชนชาติ​อุยกูร์​ซินเจียง​
แต่ถึงอย่างไรการใช้อายุแบ่งวัยชราเป็น​
กลุ่มย่อยสามกลุ่ม​ "คนเริ่มแก่" (60-69)
"คนแก่" (70-79) และ
"คนแก่มาก" (80 ปีขึ้นไป)
จะช่วยให้เห็นภาพการเปลี่ยนแปลงชีวิต
ได้เพิ่มความชัดเจนมากขึ้น

#​ สัญญาณที่​บ่งบอกถึงความชรา
◆ ทฤษฎีระบบประสาทร่วมกับต่อมไร้ท่อ
บอกเราว่า เมื่ออายุมากขึ้น
การควบคุมสมดุลของร่างกายด้วยสัญญาณ
ของระบบประสาทและต่อมไร้ท่อ จะเสียไป
ประสิทธิภาพการทำงานของร่างกายจะลดลง
และตอบสนองต่อความเครียดอย่างผิดปกติ
ทฤษฎีภูมิคุ้มกัน
บอกเราว่า เมื่ออายุมากขึ้น
ระบบภูมิคุ้มกันจะป้องกันแอนติเจนได้น้อยลง
สูญเสียความสามารถในการจดจำเนื้อเยื่อของ
ร่างกายทำให้ติดเชื้อและเป็นโรค
 วัยชรา
บอกเราว่า​ ภาวะเสื่อมทั้งกาย, ใจ, ความคิด​
และพฤติกรรม​ของวัยชราแตกต่างจาก
วัยกลางคน​จะเป็นสัญญาณ​บ่งแสดงให้เห็นว่า
เป็นช่วงการเปลี่ยนแปลง​ในวัยชราและไม่ได้
เกิดขึ้นในเวลาเดียวกันสำหรับทุกคน​
อายุ​สามารถแตกต่างกันได้ระหว่างผู้คนใน
วัยเดียวกัน​
พื้นฐานของวัยชราที่มีผลต่อทั้งร่างกาย
และจิตใจคือ "ความเฉื่อยชาของพฤติกรรม"
จะ "ชะลอตัวลง"  ซึ่งมีความ​สัมพันธ์​ต่ออายุ
​ที่เพิ่มขึ้นในแต่ละ​บุคคล​ ความเสื่อมสภาพ
ทางร่างกายและอวัยวะภายในร่างกาย
เป็นเหตุทำให้ต้องเสียชีวิตในที่สุด
#​ สัญญาณ​ทางร่างกาย
ผู้สูงวัยเป็นผู้ที่ใช้ชีวิตมานานสภาพร่างกาย
จะช่วยเหลือตนเองได้ไม่ดีเท่าที่ควร
และยังมีชีวิตดำเนินอยู่แบบว่า
"แก่ๆ เจ็บๆ​ ปวดๆ​ เมื่อยๆ"
ผม : เป็นสิ่งแรกของร่างกายที่เปลี่ยนแปลง
ให้เห็นได้ชัด​ ภายนอกจากสีเดิมเป็นสีขาวแห้ง
ผมหงอกและร่วงง่าย​ เป็นสัญญาณบ่ง​บอกถึง
ภาวะเสื่อมของร่างกาย​
(เนื่องมาจากการไหลเวียนของเลือดลดลง​ 
หมายถึงเส้นผมได้อาหารไม่เพียงพอ)​
ผิวหนัง : สูญเสียความยืดหยุ่น, ผิวแห้ง,
หยาบ, เหี่ยวย่น, เนื้อเยื่อต่างๆจะขาดความ
ตึงตัวและ บาดแผลใช้เวลานานในการรักษา
(เนื่องจากการลดจำนวนน้ำในเซลล์,
ต่อม​เริ่มเหี่ยว น้ำมันใต้ผิวหนังก็มีน้อยลง,
เลือดมาเลี้ยงบริเวณผิวหนังก็น้อยลง
ทำให้ผิวหนังเริ่มเหี่ยวแห้งหยาบหย่อนยาน​
ปรากฏรอยย่นชัดเจน ฉะนั้นคนวัยนี้จึงรู้สึก
หนาวง่ายเพราะไขมันใต้ผิวหนังน้อยลง)
กระดูกและข้อ : กระดูกเปราะง่าย,
  ข้อเข่าเสื่อมและ​ โรคกระดูกพรุน​
(เนื่อจากการสลายตัวของแคลเซียม
ออกจากกระดูกมากขึ้น)​       
  หลังโกง​ และเกิดการสูญเสียของความสูง   
  ประมาณ​ 5 เซนติเมตร​เมื่อถึงอายุ 80​ ​ปี   ​
(เนื่องจากกระดูดที่ผอมบาง,​ หดตัวและ
หมอนรองของกระดูกสันหลังมักจะกร่อน
และแบนลงมาก)​   
เล็บ : เล็บจะหนาแข็งและเปราะ
 (เนื่องจากการไหลเวียนของโลหิต
ส่วนปลายน้อยลง ทำให้การจับตัว
ของ​แคลเซียมบริเวณ เล็บลดลง)​   
หู : สัญญาณ​การได้ยินลดลงเริ่มบกพร่อง
สูญเสีย​การสื่อสาร​ และอายุแก่ขึ้นไปอีก
จะพบอาการหูตึงในผู้สูงอายุซึ่ง​จะพบมาก
ตอนอายุ​ 65​ ปี ขึ้นไป
(เนื่องจากความเสื่อมของประสาทรับเสียง
ในหูชั้นใน​ ทำให้การส่งกระแส
ประสาทของเสียงไปยังอวัยวะ
รับการได้ยินซึ่งอยู่ในหูเสียไป)
ตา สัญญาณสายตายาวจะเกิดขึ้นเป็น
อุปสรรคต่อการอ่านหนังสือขนาดเล็ก
ในที่มีแสงน้อย,ตามัว​ ความเร็วในการอ่าน​
และความสามารถในการหาวัตถุเชื่องช้าลง,
มีวงแหวนขาวที่ขอบตาดำเกิดขึ้น ​
ลักษณะตาของผู้สูงอายุจะเล็กลง,​ ตาลึก
และหนังตาบนจะตกหรือต่ำ
(เนื่องจากจำนวนไขมันหลังลูกตาน้อยลง
และการยืดหยุ่นของหนังตาก็​ลดลง,
มีความเสื่อมโทรมของประสาทตา,​
มีความไวต่อแสงน้อยทำให้มองภาพ
ใกล้ไม่ชัด การยืดหยุ่นของเลนส์เสียไป)
รส​ : สัญญาณเสื่อมของปุ่มรับรสที่ลิ้น
ไม่รับรู้ถึงรสอาหารที่ตนเองรับประทาน
จึงทำให้เกิดความไม่น่ากินในการกินอาหาร​
และกลืนอาหารก็ลำบาก
(เนื่องจากต่อมน้ำลายหลั่งน้ำลายน้อยลง
ทำให้ไม่มีเมือกหล่อลื่นอาหารและ
ประสาทกล้ามเนื้อที่ควบคุมการกลืนเสื่อม)
กลิ่น :  ความสามารถในการับกลิ่นลดลง
และทำให้ความอยากอาหารลดลงด้วย
(เนื่องจากประสาทการรู้กลิ่นลดลง)
#​ สัญญาณ​ทางจิตใจ
ผู้สูงวัยเป็นผู้ที่ใช้ชีวิตมานานสภาพจิตใจ
ถดถอย​กระวนกระวาย, ขาดความมั่นใจ​
และหงุดหงิด​ง่ายเพราะมีชีวิตดำเนิน
อยู่แบบว่า "แก่ๆ เจ็บๆ​ ปวดๆ​และ​เมื่อยๆ"
การปรับตัว​ :
ผู้สูงอายุรู้สึกสูญเสียความสามารถในการ
ดูแลตนเองและความต้องการทางเพศลดลง
รู้สึกแย่เกี่ยวกับตนเอง ไร้ค่า ขาดความ​มั่นใจ
เจ้าอารมณ์, กระวนกระวาย หงุดหงิดง่าย
อารมณ์หดหู่ซึ่งเกิดจากการเปรียบ​เทียบ
กับตัวเอง​ที่​ถดถอย​ลง,ผู้สูงอายุที่มี
ทัศนคติ​เชิงลบ​มากอาจ​ทำให้เกิดภาวะ
ซึมเศร้าได้​ วัยชราที่มีทัศนคติ​เชิงบวก
​ แม้จะมีความตึงเครียดก็มักจะบอกว่า
"น่าพอใจ" และ "ยอมรับ"
“บางก็ว่าวัยชราคือช่วงเวลาที่น่าพอใจ”
ความ​เสี่ยง​ :
ผู้สูงอายุเสี่่ยงต่อการสูญเสียมากขึ้น
ทำให้เสี่ยงกว่าคนที่อายุน้อยกว่า​
จึงทำให้จิตใจกระวนกระวาย​
ความกลัว​
วัยชราก็เหมือน​คนอ่อน​แอย่อมกลัว
อาชญากรรม​ บางครั้งมีความกังวล
เกี่ยวกับการเงินหรือสุขภาพ
การเพิ่มความกลัวมีผลต่อการสูญเสีย
สุขภาพจิต​ ความผิดปกติทางจิต
ของ​วัยชรา​ทำให้เกิดความทุกข์ทรมาน

#​ สัญญาณ​ทางความคิด
ผู้สูงวัยเป็นผู้ที่ใช้ชีวิตมานานภาวะทาง
ความคิดช้า, ความจำเสื่อม, ขาดความมั่นใจ
​ มีทัศนคติ​เชิงลบ
การสูญเสียความทรงจำ​ :
เป็นเรื่องธรรมดาในวัยชรา​ ​ภาวะสมองเสื่อม
เป็นคำทั่วไปสำหรับการสูญเสียความจำและ​
ความสามารถทางปัญญาอื่น ๆ พฤติกรรม
ที่บ้าคลั่งอาจรวมถึงการเดินหลงทาง​
ภาวะซึมเศร้า​ และโรคจิต
อาการ Essential Tremor ( ET )
เป็นอาการสั่นสะเทือนที่ไม่สามารถควบคุมได้
ในส่วนบนของร่างกาย มันเป็นเรื่องปกติมาก
ในผู้สูงอายุและอาการแย่ลงตามอาย
มีลักษณะเฉพาะ เช่น เมื่อใช้มือยกหนังสือ
ขึ้นอ่าน จะเกิดอาการมือสั่น (tremor) หรือ
ใช้มือหยิบของเข้าปาก หรือตั้งใจจะเขียน
หนังสือมือจะสั่น ไม่สามารถหยิบของเข้าปาก​ ​
ซึ่งอาการจะเลวลง
เมื่อสมองเกิดความเครียดหรือเมื่อยล้า
ขี้หลงขี้ลืม, วิตกกังวลอยู่เสมอ
เนื่องจากมีคลื่นกระแสไฟฟ้าที่เกิดขึ้น
ที่สมองเป็นคลื่นที่ไม่สม่ำเสมอ ซึ่งส่งไป
ยังกล้ามเนื้อทำให้มีอาการสั่นเกิดขึ้น
#​ สัญญาณ​ทางพฤติกรรม​ ​:
ผู้สูงวัยเป็นผู้ที่ใช้ชีวิตมานานภาวะทาง
พฤติกรรม​ความเฉื่อยชาของพฤติกรรม
ขาด​ความคล่อง​ตัวหลงลืม​ง่าย​
ความคล่องตัว​ :
ร่างกายเคลื่อนไหวได้ช้าและ
   ความ​คล่องตัวในการทำ​กิจกรรมต่างๆ
ที่ต้องใช้กล้ามเนื้อลดลง
(เนื่องจาก​กล้ามเนื้อลาย
​ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อค้ำจุนโครงสร้าง
ของร่างกาย เช่น​
กล้ามเนื้อแขน, ขา​ เมื่อกล้ามเนื้อ
ไม่แข็งแรง​ ภาวะเสื่อมสมรรถภาพ
ของกล้ามเนื้อ​จะเกิดขึ้น)
#​ วัยชรามีผลต่อชีวิตอย่างไร​บาง​?
สภาพความเสื่อมถอยทางร่างกายและจิตใจ
ขาดความคล่องแคล่ว ว่องไว ความจำเสื่อม
ความคิดความอ่านช้าลง หูตึง ตามัว ผมหงอก
ความเร็วในการเดินช้าลงยังเพิ่มขึ้นตามอายุ

โรคเรื้อรัง
ภาวะโรคที่เกิดขึ้นบ่อยที่สุดในผู้สูงอายุ​ คือ​
ความดันโลหิตสูง, ​โรคข้ออักเสบ,เบาหวาน
โรคหัวใจและ​ การ​ไอทำให้เกิด​เสมหะซึ่ง​
เป็นอาการทางเดินหายใจในผู้สูงอายุ
ปัญหาทางทันตกรรม​ :
สุขภาพช่องปากในวัยชราซึ่งจะเพิ่มโอกาส
ของการเกิดฟันผุและการติดเชื้อ
ระบบทางเดินอาหาร :
ความผิดปกติทางเดินอาหาร​ เช่นความยากลำบากในการกลืน​และการดูดซับสารอาหาร​
ท้องผูกและมีเลือดออก
หัวใจ​ :
จะมีประสิทธิภาพน้อยลงในวัยชราและ
ทำให้สูญเสียความแข็งแกร่ง นอกจากนี้
หลอดเลือดแดงตีบไหลเวียนโลหิตได้ไม่ดี
ภูมิคุ้มกัน​ :
การทำงานของระบบภูมิคุ้มกันบกพร่องลง
เป็นความชัดเจนของวัยชรา
ปอด​ :
ขยายตัวได้ไม่ดีจึงรับออกซิเจนได้น้อยลง
นั้นคือเลือดไปเลี้ยงร่างกาย​ได้น้อยลง
เจ็บป่วย​ :
ความเจ็บปวดทำให้เกิดความทุกข์ทรมานกับ
วัยชรา​ การสูญเสียความคล่องตัวเป็น
เรื่องปกติของวัยชราแต่มีผลกระทบทางสังคมจิตวิทยาและทางกายภาพ อย่างยิ่ง
การนอนไม่หลับ​ :
ถือเป็นความชุกของอาการเรื้อรังในวัยชรา
และส่งผลให้เกิดอาการง่วงนอนในตอน
กลางวันเป็นความทุกข์​ทรมาน​พอประมาณ​
ภาวะกลั้นปัสสาวะ​ :
ไม่สามารถกลั้นปัสสาวะได้เหมือนเดิม
ในวัยชรา เป็นภาวะเสื่อม​ตามวัย
เสียงพูด​:
ในวัยชราเสียงอ่อนลงและสั่นช้าลง
ซึ่งส่งผลให้เสียงลมหายใจอ่อนลง

#​ วัยชราควรรับมืออย่างไร​?
ผู้สูงอายุทุกคนจำเป็นต้องเอาใจใส่ดูแลตนเอง
ให้มากขึ้นเพื่อสุขภาพในการลดความเจ็บป่วย
ในการดำเนินชีวิตโดยมองที่ภายในของตัวเองและคนรอบๆตัวทำ​จิตใจ​ของตนให้สงบสุข
การปรับตัว​ :
ปรับตัวรอบด้านร่างกาย จิตใจ ความคิด
อารมณ์ และสภาพความเป็นอยู่ของตนเอง
เริ่มจากการปรับใจของตนเองด้วยการเปิดใจยอมรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
ทั้งของตนเองและสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ
เรื่องในอดีตพูดแล้วไม่ดีต่อสุขภาพจิต
​ก็​ไม่​ต้อง​ริ้อฟื้นให้รู้ว่า
ความเสือมเป็นกฏเกณฑ์​ของธรรมชาติ
นอนให้พอเมื่อรู้สึก​ง่วงก็ต้องนอน
จะกินจะนั่งค่อยๆคิดค่อยๆทำ
ใช้ชีวิตในการดำรงอยู่​ให้ช้าลงนั้นเอง
การดูแลสุขภาพ​ :
ผู้สูงอายุจำเป็นต้องไปตรวจร่างกายประจำปี
อย่างสม่ำเสมอ และรีบไปพบแพทย์แต่เนิ่นๆ
เมื่อเริ่มมีอาการที่บ่งชี้ว่าเจ็บป่วย ระมัดระวัง
และป้องกันไม่ให้ตนเองเจ็บป่วย หรือเกิด
อุบัติเหตุ หมั่นคอยดูแลสุขอนามัยของตนเอง
ออกกำลังกายทุกวัน​ เลือกวิธีออกกำลังกาย
ที่เหมาะสมกับวัยและสภาพร่างกายของตน
รับประทานอาหารที่มีประโยชน์​ ให้คุณค่าทาง
อาหารครบ​ 5  หมู่เหมาะสมกับวัย​ เป็นอาหาร
ท​ี่ย่อยง่าย และมีปริมาณเพียงพอในแต่ละวัน
ดื่มน้ำให้เพียงพอกับร่างกาย
อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว ดูแลระบบขับถ่ายของตนเองให้เป็นปกติ นอนให้เพียงพออย่างน้อย
วันละ 8 ชั่วโมง และอยู่ในที่ๆ มีอากาศถ่ายเท
ได้ดี และที่สำคัญ​ต้องดูแลสุขภาพจิตของตน
โดยทำจิตใจให้เบิกบานอยู่เสมอ ไม่เครียด
ไม่หงุดหงิด ไม่ฉุนเฉียว ไม่ท้อแท้
การใช้เวลาว่าง​ ​:
การทำกิจกรรมต่างๆ ที่ชื่นชอบ  
ทำงานอดิเรกต่างๆ ที่เหมาะสมกับวัย เช่น
การปลูกต้นไม้ การเล่นดนตรี การฟังเพลง
สวดมนต์ การเขียนหนังสือ การอ่านหนังสือ
เพื่อคลายเหงา เกิดความเพลิดเพลิน
ผ่อนคลายทั้งร่างกาย, ความคิดและจิตใจ
  
วัยชราได้มาเยือน​
ความอ่อนแอได้มาถึง
กำลังก็ถดถอย
หูก็หนวก​
ดวงตาก็พร่ามัว​
หัวใจสึกหรอทุกขณะจิต
เพราะความเหนื่อยล้าของหัวใจ
ในที่สุดปากก็เงียบ
ไม่สามารถพูดได้แล้ว
จำไม่ได้เมื่อวานนี้ผ่านไปแล้ว
กระดูกทนทุกข์ทรมานจากวัยชรา

​   🙏 สุดท้าย​ :
   สิ่ง​ที่​ยากที่สุดในชีวิต
​     ไม่ใช่​ว่าคุณหาเงินได้เท่าไร
แต่คุณจะรักษา​ความคิด
​จิตใจอันสงบสุข
​ และดำเนิน​ชีวิต​ที่เหลือ
​ในวิถีทางอันเรียบง่าย​
และไร้ความวิตกกังวล​
ได้อย่างไร​ต่างหาก
สังขารเป็นสิ่งที่ไม่เที่ยงแท้แน่นอน
        มีเกิด มีแก่ มีเจ็บ และก็มีตาย
สรรพสิ่ง​ล้วน​เป็นทุกข์​
สรรพสิ่ง​ล้วน​เปลี่ยนไป​ตาม​กาล​