Skip to main content

เกษตรกร​ไทย

👉​ เข้าสู่สังคมสูงอายุ

      องค์การสหประชาติ
     ได้แบ่งระดับสังคมผู้สูงอายุ
     เป็น 3 ระดับ ได้แก่
 1. ระดับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ   
      (Aging Society) กล่าวคือ   
     ประเทศที่มีประชากรอายุ 60
     มากกว่าร้อยละ 10 ของ
     ประชากรทั้งประเทศ 
     หรือมีประชากรอายุ 65 ปีขึ้นไป 
     เกินร้อยละ 7 ของประชากรทั้งประเทศ
 2. ระดับสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์
      (Aged Society) กล่าวคือ    
     เมื่อประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป
     เพิ่มเป็นร้อยละ 20 ของ
     ประชากรทั้งประเทศ 
     หรือมีประชากรอายุ 65
     เพิ่มเป็นร้อยละ 14  ของ
     ประชากรทั้งประเทศ 
3. ระดับสังคมผู้สูงอายุระดับสูงสุด
     (Super-aged Society 
     หรือ Hyper-Aged Society) กล่าวคือ
     เมื่อประชากรอายุ 65 ขึ้นไป 
     มีสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 20 ของ
     ประชากรทั้งประเทศ
■  ไทยมีแนวโน้มเป็นสังคมผู้สูงอายุ
      เพิ่มขึ้นเรื่อยๆดูได้จาก
       ปี​เกิด​          จำนวนคนเกิด​   3ปีลดลง
    2547-2549​     2,435,273​  
    2550-2552     2,396,479​       38,794
    2553-2555     2,381,362​       15,117     
    2556-2558​     2,294,851​       86,511 
    2559-2561​     2,072,922​     221,929
    จากตารางข้างบนนี้จะเห็นว่าอัตรา
    การเกิดลดลงทุกๆ​ 3 ปี​ โดยเฉพาะ
    ​ช่วงต่างของ​3 ปี​ปัจจุบัน​กับ​ 3 ปีก่อน
    (53-55) กับ​ (56-58)  =    71,394  คน
    (56-58) กับ​ (59-61)  =  135,418  คน
    ซึ่ง​เราก็ยังไม่รู้ว่าอีก​ 3 ปีต่อไปจะลดลง
     อีกหรือไม่,แต่จากตัวเลขที่เห็นก็น่าจะ
     ลดลงต่อไปอีก​ 
     👉​ การลดลงของการเกิดนี้ก็หมายถึง
     การเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้สูงอายุตาม
     สัดส่วนร้อยละนั้นเอง
     ดังตารางต่อไปนี้​ :
 ■ อัตรา​ (%)​ ของผู้สูงอายุ​ ปี2551-2560
     2551​   10.89    2556​  13.48
     2552​   11.30    2557​  13.99
     2553​   11.73    2558​  14.39
     2554​   12.19    2559​  14.87
     2555   12.68    2560​  15.45
     อัตราผู้สูงอายุในประเทศไทย
ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จากข้อมูลที่มี
พบว่า ภายในระยะเวลา 10 ปีข้างหน้านี้ ประเทศไทยเตรียมกระโดดเข้าสู่ 
     Super – Aged Society
     สัญญาณ​บ่งบอกถึงความชราภาพ
👉​  คลิกอ่าน​  บทความผู้สูงวัย​
      ​ สุดท้ายแล้ว
      คนที่จะดูแลเราได้ดีที่สุด
      ในตอนแก่ชราก็คือ "ตัวของเราเอง" 
      เวลาหาเงินของเรา จบลงที่อายุ 60 ปี 
      แต่เราต้องใช้เงินเพื่อมีชีวิตต่ออีก 25​ ปี
     โดยเฉลี่ย​หลังจากนั้น นี่คือความท้าทาย
     สำคัญที่เราทุกคนต้องเจอไม่ช้าก็เร็ว



ดู​จากรูปตารางแล้ว​
ประเทศไทยมีเงินเฟ้อ​อยู่ที่​ 0.98
ซึ่งอยู่ปลายตารางมีค่าต่ำกว่า
ประเทศอื่นๆมากซึ่งก็เป็นสิ่งที่ดี
สำหรับผู้สูงอายุอย่างผม
ยิ่งเงินเฟ้อเป็นศูนย์​เลยยิ่งดีครับ
เพราะหมายถึงเงินเก็บที่ผมมีอยู่จำกัด
จะไม่เสื่อมค่าเลยครับ
  ■ ​ การแก้ปัญหานี้ให้ได้ในขั้นแรกก็คือ
        เราต้องเตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว
        ยามเกษียณตั้งแต่วันนี้ครับ
    👉​ มีการประมาณการเหมือนกันครับ
        ว่ากองทุนประกันสังคมของไทยนี่
        ก็จะมีปัญหาเงินสมทบเข้ามาในระบบ​   
        น้อยลง และเงินในกองทุนก็จะลดลง       
        เพราะวัยทำงานที่เข้าระบบมีจำนวน
        น้อยลง และผู้สูงอายุที่ใช้สวัสดิการ
        จากกองทุนมีจำนวนเพิ่มขึ้น
        ดังนั้น เงินกองทุนประกัน​สังคม
        มีความเสี่ยงจะลดลงจนหมด
        หากไม่มีการเปลี่ยนแปลง
        ด้านนโยบาย หรื
        การปฏิรูปโครงสร้างภาษีใดๆ
       น่าจะไม่เพียงพอภายใน 15 ปีข้างหน้า
■ ผลที่ตามมาของประเทศ
    ที่เข้าสู่ภาวะสังคมผู้สูงอายุ
เมื่อมีผู้สูงอายุมากขึ้นทำให้ปัจจัย
    การผลิตทางด้านแรงงานลดลง
    นั้นคือการออมลดลง 
    รัฐบาลจำเป็นต้องเพิ่มงบประมาณ
    ค่าใช้จ่ายทางด้านสวัสดิการ
    และการรักษาพยาบาลเพิ่มขึ้น
    เพื่อดูแลและปฐมพยาบาลผู้สูงอายุมากขึ้น
     ซึ่งจะทำให้การลงทุนลดลง
    รายได้ประชาชาติลดลง 
   ทั้งนี้การที่แรงงานลดลง
   อาจแก้ไขโดยการนำเทคโนโลยีเครื่องจักร
    มาใช้ทดแทนแรงงานคน
    หรือใช้แรงงานต่างด้าว
    ซึ่งจะมีผลทำให้เกิดการเคลื่อนย้าย
    แรงงานมากขึ้น    
    หากไม่มีการเตรียมความพร้อม
    การจัดสรรทรัพยากรแรงงาน
   ที่จะลดลงจะมีผลกระทบต่อความมั่นคง
   ทางด้านเศรษฐกิจและสังคม
   ทำให้รายได้ประชาชาติลดลงได้ 
   ดังนั้นการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ 
   โครงสร้างของประชากรเปลี่ยนแปลงไป
   มีสัดส่วนของผู้สูงอายุมากขึ้นย่อมทำให้
   เกิดผลกระทบทั้งทางเศรษฐกิจและสังคม
   ทำให้มีผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ
    =======================
👉🏿​   แรงงานลดลง
จำนวนประชากร​อายุ​ 15​ปี​ขึ้นไป​ พ.ศ.​2562​ ไตรมาส​1  (สำนักงานสถิติ​แห่งชาติ)​
ประชากร​อายุ​15​ปี​ขึ้นไป​ 56,465,170  คน
กำลัง​แรงงาน​รวม​             38,365,150  คน
ผู้​ไม่​อยู่ใน​กำลัง​แรงงาน​   18,100,020  คน
จำนวนประชากรปี2561:  66,413,979 คน​
รายได้มวลรวมประชาชาติ​ 2560​ 
ภาคการเกษตร​        ​   1,286,170 ล้านบา​ท
ภาคนอกการเกษตร​14,165,789 ล้านบาท
GDP​                         15,451,959  ล้านบาท
■ การลดลงดูจากจำนวนคนผู้ศึกษา
     2552​  13,998,328   2556​  13,606,743
     2553​  14,150,863  2557​  13,362,513
     2554​  13,954,735   2558​  13,385,929
     2555  13,931,095   2559​  13,205,484
■ การลดลงดูจากจำนวนคนผู้สอน
     2553​  705,447  คน
     2554​  696,231  คน
     2555  691,472  คน
     2556​  692,843  คน
     2557​  641,793  คน
    จะเห็นได้ว่าการลดลงของจำนวนคนของ
     การศึกษาก็คือการลดลงของแรงงานใน
     ปัจจุบัน​และอนาคตนั้นเองปัญหาแรกก็คือ
     จำนวน​การศึกษาจากพ.ศ.2553 ถึง​ 2559​ 
     ลดลงถึง​ 945,379 คน​ย่อมต้องทำให้ใช้
      คนสอนน้อยลงไปตามธรรมดา
 ข้อมูลระบบประกันสุขภาพปี​ 2558
       ไม่มีสวัสดิการ​    877,280     1.20 %
        บัตรทอง​       49,832,538  68.22 %
       ประกันสังคม​ 10,844,015  14.85 %
       ข้าราชการ​      4,973,958     6.81 %
       หน่วยงานรัฐ​       722,846     0.99 %
       ประกันสุขภาพ​ 4,440,135    6.08 %
       นายจ้าง​            1,355,360    1.20 %
■ เจ้าหน้าที่​ทางการ​แพทย์​  ปี2560
    แพทย์​                     35,388 คน
    ทันตแพทย์​               9,760 คน
    เภสัชกร​                  13,728 คน
    พยาบาลวิชาชีพ   160,932 คน
    พยาบาลเทคนิค​        5,929 คน
👉​ ข้อมูลปี 2560 พบว่า มีสถาน
      ประกอบกิจการทั้งสิ้น 381,954 แห่ง 
      มีจำนวนลูกจ้างรวม 8,977,095 คน
     ไทยมีแรงงานต่างด้าวทั้งสิ้น 2.06ล้านคน
       ซึ่ง 5 จังหวัดแรกที่มีจำนวนแรงงาน​  
       ต่างด้าวมากที่สุด คือ 
       กรุงเทพฯ 3.41 แสนคน
       สมุทรสาคร 2.21 แสนคน
       ปทุมธานี 2.13 แสนคน
       ชลบุรี 0.99 แสนคน และ
       สุราษฎร์ธานี 0.98 แสนคน
 👉 หนี้สิน​ครัวเรือนไทยมีจำนวนครัวเรือน
       ทั้งสิ้น 2.15 ล้านครัวเรือน
       ปี 2558 เฉลี่ยต่อครัวเรือน 
      รายได้​   26,915 บาท    
      รายจ่าย​ 21,157 บาท
👉​ โดยจากการเปิดเผยของ
      นาย ภุชพงค์ โนดไธสง ผู้อำนวยการ
      สำนักงานสถิติแห่งชาติ กล่าวว่า
     ในช่วงครึ่งปีแรก(2560) พบว่า
      ครัวเรือนที่มีหนี้สินคิดเป็น 51% ของ
      ครัวเรือนทั้งประเทศ 
      หรือคิดเป็น 11 ล้านครัวเรือน 
      หนี้สินเฉลี่ย 177,128 บาทต่อครัวเรือน 
👉🏾​  หอการค้า​ไทย​สำรวจหนี้ครัวเรือน​ปี​ 2562​ เฉลี่ย​ 340,000  บาทต่อครัวเรือน​  อยู่ที่​ 78​ % ของ​ GDP
หมายความว่า หนี้สินของครัวเรือนทั้งระบบอยู่ที่ประมาณ 12 ล้านล้านบาท

ถ้าเราคิดดอกเบี้ยเฉลี่ยที่ 8% ครัวเรือนทั้งหมดต้องจ่ายดอกเบี้ยเกือบ 1 ล้านล้านบาท หรือประมาณ 7% ของ GDP ซึ่งภาระหนี้เหล่านี้ส่งผลให้กำลังซื้อหายไปจากระบบเศรษฐกิจไทย
👉​ สาเหตุ​การก่อหนี้เพื่อใช้ในครัวเรือน
       (เป็นการก่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้)​
      การใช้เพื่อการอุปโภคบริโภค 40.3% 
      ซื้อบ้านหรือซื้อที่ดิน 34% 
      หนี้เพื่อใช้ในการศึกษา 1.8% 
     การก่อหนี้เพื่อใช้ในการลงทุนและอื่นๆ 
      หนี้ใช้ทำการเกษตร 12.9% 
     ใช้ทำธุรกิจ 10.5% 
      หนี้ต่อหัวเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว 
      จากประมาณ 70,000 บาท ณ สิ้นปี 2553 
   มาที่ประมาณ 150,000 บาท ณ สิ้นปี 2559
  โดยกว่าร้อยละ 16 หรือประมาณ 3 ล้านคน
  มีสถานะค้างชำระเกินกว่า 90 วัน ซึ่งเป็นกลุ่ม
 ​ ลูกหนี้ที่ต้องถูกเจ้าหนี้ติดตามทวงถามหรือ
  อยู่ระหว่างกระบวนการทางกฎหมาย
 (ณ ไตรมาส 3 ปี 2561)หนี้ครัวเรือนของไทย
  อยู่ในระดับสูงที่ร้อยละ 77.8 ต่อ GDP หรือ
  ร้อยละ 114.6 ต่อรายได้ประชาชาติ 
สภาพัฒน์ ระบุว่า หนี้ครัวเรือน
                ไตรมาส 1/2562 อยู่ที่ 78.7%
หนี้ที่น่าเป็นห่วงมี 3 กลุ่มหลัก
1. กลุ่มวัยเริ่มต้นทำงานอายุ 25-35 ปี
    ซึ่งสัดส่วน 50%
2. กลุ่มคนเกษียณอายุแล้ว 
    ที่พบว่า 20% ของคนกลุ่มนี้ยังมีหนี้
3. กลุ่มคนที่เข้าไม่ถึงสินเชื่อของ
    สถาบันการเงิน จึงไปกู้หนี้นอกระบบ
👉🏿​ข้อสรุปจากงานวิจัยของ
     สถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ 
     ข้อมูลจากบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ
     พบว่าคนไทย​ เป็นหนี้เร็วขึ้น
                           เป็นหนี้นานขึ้น
                           เป็นหนี้มากขึ้น
      =======================
ความเหลื่อมล้ำเป็นปัญหาใหญ่ของทุกประเทศในศตวรรษนี้ 
“ประเทศที่ภาวะเศรษฐกิจดี และมีแนวโน้มเติบโต ค่าเงินมักจะแข็งค่า”
นี่คือแนวคิดพื้นฐานทางเศรษฐศาสตร์
แต่ประโยคนี้อาจใช้ไม่ได้กับประเทศไทยในปัจจุบัน
แหล่งข้อมูล​:
http://statbbi.nso.go.th/staticreport/page/sector/th/02.aspx