👉 เข้าสู่สังคมสูงอายุ
องค์การสหประชาติ
ได้แบ่งระดับสังคมผู้สูงอายุ
เป็น 3 ระดับ ได้แก่
1. ระดับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ
(Aging Society) กล่าวคือ
ประเทศที่มีประชากรอายุ 60
มากกว่าร้อยละ 10 ของ
ประชากรทั้งประเทศ
หรือมีประชากรอายุ 65 ปีขึ้นไป
เกินร้อยละ 7 ของประชากรทั้งประเทศ
2. ระดับสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์
(Aged Society) กล่าวคือ
เมื่อประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป
เพิ่มเป็นร้อยละ 20 ของ
ประชากรทั้งประเทศ
หรือมีประชากรอายุ 65
เพิ่มเป็นร้อยละ 14 ของ
ประชากรทั้งประเทศ
3. ระดับสังคมผู้สูงอายุระดับสูงสุด
(Super-aged Society
หรือ Hyper-Aged Society) กล่าวคือ
เมื่อประชากรอายุ 65 ขึ้นไป
มีสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 20 ของ
ประชากรทั้งประเทศ
■ ไทยมีแนวโน้มเป็นสังคมผู้สูงอายุ
เพิ่มขึ้นเรื่อยๆดูได้จาก
ปีเกิด จำนวนคนเกิด 3ปีลดลง
2547-2549 2,435,273
2550-2552 2,396,479 38,794
2553-2555 2,381,362 15,117
2556-2558 2,294,851 86,511
2559-2561 2,072,922 221,929
จากตารางข้างบนนี้จะเห็นว่าอัตรา
การเกิดลดลงทุกๆ 3 ปี โดยเฉพาะ
ช่วงต่างของ3 ปีปัจจุบันกับ 3 ปีก่อน
(53-55) กับ (56-58) = 71,394 คน
(56-58) กับ (59-61) = 135,418 คน
ซึ่งเราก็ยังไม่รู้ว่าอีก 3 ปีต่อไปจะลดลง
อีกหรือไม่,แต่จากตัวเลขที่เห็นก็น่าจะ
ลดลงต่อไปอีก
👉 การลดลงของการเกิดนี้ก็หมายถึง
การเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้สูงอายุตาม
สัดส่วนร้อยละนั้นเอง
ดังตารางต่อไปนี้ :
■ อัตรา (%) ของผู้สูงอายุ ปี2551-2560
2551 10.89 2556 13.48
2552 11.30 2557 13.99
2553 11.73 2558 14.39
2554 12.19 2559 14.87
2555 12.68 2560 15.45
อัตราผู้สูงอายุในประเทศไทย
ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จากข้อมูลที่มี
พบว่า ภายในระยะเวลา 10 ปีข้างหน้านี้ ประเทศไทยเตรียมกระโดดเข้าสู่
Super – Aged Society
สัญญาณบ่งบอกถึงความชราภาพ
👉 คลิกอ่าน บทความผู้สูงวัย
สุดท้ายแล้ว
ได้แบ่งระดับสังคมผู้สูงอายุ
เป็น 3 ระดับ ได้แก่
1. ระดับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ
(Aging Society) กล่าวคือ
ประเทศที่มีประชากรอายุ 60
มากกว่าร้อยละ 10 ของ
ประชากรทั้งประเทศ
หรือมีประชากรอายุ 65 ปีขึ้นไป
เกินร้อยละ 7 ของประชากรทั้งประเทศ
2. ระดับสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์
(Aged Society) กล่าวคือ
เมื่อประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป
เพิ่มเป็นร้อยละ 20 ของ
ประชากรทั้งประเทศ
หรือมีประชากรอายุ 65
เพิ่มเป็นร้อยละ 14 ของ
ประชากรทั้งประเทศ
3. ระดับสังคมผู้สูงอายุระดับสูงสุด
(Super-aged Society
หรือ Hyper-Aged Society) กล่าวคือ
เมื่อประชากรอายุ 65 ขึ้นไป
มีสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 20 ของ
ประชากรทั้งประเทศ
■ ไทยมีแนวโน้มเป็นสังคมผู้สูงอายุ
เพิ่มขึ้นเรื่อยๆดูได้จาก
ปีเกิด จำนวนคนเกิด 3ปีลดลง
2547-2549 2,435,273
2550-2552 2,396,479 38,794
2553-2555 2,381,362 15,117
2556-2558 2,294,851 86,511
2559-2561 2,072,922 221,929
จากตารางข้างบนนี้จะเห็นว่าอัตรา
การเกิดลดลงทุกๆ 3 ปี โดยเฉพาะ
ช่วงต่างของ3 ปีปัจจุบันกับ 3 ปีก่อน
(53-55) กับ (56-58) = 71,394 คน
(56-58) กับ (59-61) = 135,418 คน
ซึ่งเราก็ยังไม่รู้ว่าอีก 3 ปีต่อไปจะลดลง
อีกหรือไม่,แต่จากตัวเลขที่เห็นก็น่าจะ
ลดลงต่อไปอีก
👉 การลดลงของการเกิดนี้ก็หมายถึง
การเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้สูงอายุตาม
สัดส่วนร้อยละนั้นเอง
ดังตารางต่อไปนี้ :
■ อัตรา (%) ของผู้สูงอายุ ปี2551-2560
2551 10.89 2556 13.48
2552 11.30 2557 13.99
2553 11.73 2558 14.39
2554 12.19 2559 14.87
2555 12.68 2560 15.45
อัตราผู้สูงอายุในประเทศไทย
ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จากข้อมูลที่มี
พบว่า ภายในระยะเวลา 10 ปีข้างหน้านี้ ประเทศไทยเตรียมกระโดดเข้าสู่
Super – Aged Society
สัญญาณบ่งบอกถึงความชราภาพ
👉 คลิกอ่าน บทความผู้สูงวัย
สุดท้ายแล้ว
คนที่จะดูแลเราได้ดีที่สุด
ในตอนแก่ชราก็คือ "ตัวของเราเอง"
ในตอนแก่ชราก็คือ "ตัวของเราเอง"
เวลาหาเงินของเรา จบลงที่อายุ 60 ปี
แต่เราต้องใช้เงินเพื่อมีชีวิตต่ออีก 25 ปี
โดยเฉลี่ยหลังจากนั้น นี่คือความท้าทาย
สำคัญที่เราทุกคนต้องเจอไม่ช้าก็เร็ว
ดูจากรูปตารางแล้ว
ประเทศไทยมีเงินเฟ้ออยู่ที่ 0.98
ซึ่งอยู่ปลายตารางมีค่าต่ำกว่า
ประเทศอื่นๆมากซึ่งก็เป็นสิ่งที่ดี
สำหรับผู้สูงอายุอย่างผม
ยิ่งเงินเฟ้อเป็นศูนย์เลยยิ่งดีครับ
เพราะหมายถึงเงินเก็บที่ผมมีอยู่จำกัด
จะไม่เสื่อมค่าเลยครับ
■ การแก้ปัญหานี้ให้ได้ในขั้นแรกก็คือ
เราต้องเตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว
ยามเกษียณตั้งแต่วันนี้ครับ
👉 มีการประมาณการเหมือนกันครับ
ว่ากองทุนประกันสังคมของไทยนี่
ก็จะมีปัญหาเงินสมทบเข้ามาในระบบ
น้อยลง และเงินในกองทุนก็จะลดลง
เพราะวัยทำงานที่เข้าระบบมีจำนวน
น้อยลง และผู้สูงอายุที่ใช้สวัสดิการ
จากกองทุนมีจำนวนเพิ่มขึ้น
ดังนั้น เงินกองทุนประกันสังคม
มีความเสี่ยงจะลดลงจนหมด
หากไม่มีการเปลี่ยนแปลง
ด้านนโยบาย หรือ
การปฏิรูปโครงสร้างภาษีใดๆ
น่าจะไม่เพียงพอภายใน 15 ปีข้างหน้า
■ ผลที่ตามมาของประเทศ
ที่เข้าสู่ภาวะสังคมผู้สูงอายุ
□ เมื่อมีผู้สูงอายุมากขึ้นทำให้ปัจจัย
การผลิตทางด้านแรงงานลดลง
นั้นคือการออมลดลง
รัฐบาลจำเป็นต้องเพิ่มงบประมาณ
ค่าใช้จ่ายทางด้านสวัสดิการ
และการรักษาพยาบาลเพิ่มขึ้น
เพื่อดูแลและปฐมพยาบาลผู้สูงอายุมากขึ้น
ซึ่งจะทำให้การลงทุนลดลง
รายได้ประชาชาติลดลง
ทั้งนี้การที่แรงงานลดลง
อาจแก้ไขโดยการนำเทคโนโลยีเครื่องจักร
มาใช้ทดแทนแรงงานคน
หรือใช้แรงงานต่างด้าว
ซึ่งจะมีผลทำให้เกิดการเคลื่อนย้าย
แรงงานมากขึ้น
หากไม่มีการเตรียมความพร้อม
การจัดสรรทรัพยากรแรงงาน
ที่จะลดลงจะมีผลกระทบต่อความมั่นคง
ทางด้านเศรษฐกิจและสังคม
ทำให้รายได้ประชาชาติลดลงได้
ดังนั้นการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ
โครงสร้างของประชากรเปลี่ยนแปลงไป
มีสัดส่วนของผู้สูงอายุมากขึ้นย่อมทำให้
เกิดผลกระทบทั้งทางเศรษฐกิจและสังคม
ทำให้มีผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ
=======================
👉🏿 แรงงานลดลง
โดยเฉลี่ยหลังจากนั้น นี่คือความท้าทาย
สำคัญที่เราทุกคนต้องเจอไม่ช้าก็เร็ว
ดูจากรูปตารางแล้ว
ประเทศไทยมีเงินเฟ้ออยู่ที่ 0.98
ซึ่งอยู่ปลายตารางมีค่าต่ำกว่า
ประเทศอื่นๆมากซึ่งก็เป็นสิ่งที่ดี
สำหรับผู้สูงอายุอย่างผม
ยิ่งเงินเฟ้อเป็นศูนย์เลยยิ่งดีครับ
เพราะหมายถึงเงินเก็บที่ผมมีอยู่จำกัด
จะไม่เสื่อมค่าเลยครับ
■ การแก้ปัญหานี้ให้ได้ในขั้นแรกก็คือ
เราต้องเตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว
ยามเกษียณตั้งแต่วันนี้ครับ
👉 มีการประมาณการเหมือนกันครับ
ว่ากองทุนประกันสังคมของไทยนี่
ก็จะมีปัญหาเงินสมทบเข้ามาในระบบ
น้อยลง และเงินในกองทุนก็จะลดลง
เพราะวัยทำงานที่เข้าระบบมีจำนวน
น้อยลง และผู้สูงอายุที่ใช้สวัสดิการ
จากกองทุนมีจำนวนเพิ่มขึ้น
ดังนั้น เงินกองทุนประกันสังคม
มีความเสี่ยงจะลดลงจนหมด
หากไม่มีการเปลี่ยนแปลง
ด้านนโยบาย หรือ
การปฏิรูปโครงสร้างภาษีใดๆ
น่าจะไม่เพียงพอภายใน 15 ปีข้างหน้า
■ ผลที่ตามมาของประเทศ
ที่เข้าสู่ภาวะสังคมผู้สูงอายุ
□ เมื่อมีผู้สูงอายุมากขึ้นทำให้ปัจจัย
การผลิตทางด้านแรงงานลดลง
นั้นคือการออมลดลง
รัฐบาลจำเป็นต้องเพิ่มงบประมาณ
ค่าใช้จ่ายทางด้านสวัสดิการ
และการรักษาพยาบาลเพิ่มขึ้น
เพื่อดูแลและปฐมพยาบาลผู้สูงอายุมากขึ้น
ซึ่งจะทำให้การลงทุนลดลง
รายได้ประชาชาติลดลง
ทั้งนี้การที่แรงงานลดลง
อาจแก้ไขโดยการนำเทคโนโลยีเครื่องจักร
มาใช้ทดแทนแรงงานคน
หรือใช้แรงงานต่างด้าว
ซึ่งจะมีผลทำให้เกิดการเคลื่อนย้าย
แรงงานมากขึ้น
หากไม่มีการเตรียมความพร้อม
การจัดสรรทรัพยากรแรงงาน
ที่จะลดลงจะมีผลกระทบต่อความมั่นคง
ทางด้านเศรษฐกิจและสังคม
ทำให้รายได้ประชาชาติลดลงได้
ดังนั้นการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ
โครงสร้างของประชากรเปลี่ยนแปลงไป
มีสัดส่วนของผู้สูงอายุมากขึ้นย่อมทำให้
เกิดผลกระทบทั้งทางเศรษฐกิจและสังคม
ทำให้มีผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ
=======================
👉🏿 แรงงานลดลง
จำนวนประชากรอายุ 15ปีขึ้นไป พ.ศ.2562 ไตรมาส1 (สำนักงานสถิติแห่งชาติ)
ประชากรอายุ15ปีขึ้นไป 56,465,170 คน
กำลังแรงงานรวม 38,365,150 คน
ผู้ไม่อยู่ในกำลังแรงงาน 18,100,020 คน
จำนวนประชากรปี2561: 66,413,979 คน
ประกอบกิจการทั้งสิ้น 381,954 แห่ง
มีจำนวนลูกจ้างรวม 8,977,095 คน
ไทยมีแรงงานต่างด้าวทั้งสิ้น 2.06ล้านคน
ซึ่ง 5 จังหวัดแรกที่มีจำนวนแรงงาน
ต่างด้าวมากที่สุด คือ
กรุงเทพฯ 3.41 แสนคน
สมุทรสาคร 2.21 แสนคน
ปทุมธานี 2.13 แสนคน
ชลบุรี 0.99 แสนคน และ
สุราษฎร์ธานี 0.98 แสนคน
👉 หนี้สินครัวเรือนไทยมีจำนวนครัวเรือน
ทั้งสิ้น 2.15 ล้านครัวเรือน
ปี 2558 เฉลี่ยต่อครัวเรือน
รายได้ 26,915 บาท
รายจ่าย 21,157 บาท
👉 โดยจากการเปิดเผยของ
นาย ภุชพงค์ โนดไธสง ผู้อำนวยการ
สำนักงานสถิติแห่งชาติ กล่าวว่า
ในช่วงครึ่งปีแรก(2560) พบว่า
ครัวเรือนที่มีหนี้สินคิดเป็น 51% ของ
ครัวเรือนทั้งประเทศ
หรือคิดเป็น 11 ล้านครัวเรือน
หนี้สินเฉลี่ย 177,128 บาทต่อครัวเรือน
👉🏾 หอการค้าไทยสำรวจหนี้ครัวเรือนปี 2562 เฉลี่ย 340,000 บาทต่อครัวเรือน อยู่ที่ 78 % ของ GDP
หมายความว่า หนี้สินของครัวเรือนทั้งระบบอยู่ที่ประมาณ 12 ล้านล้านบาท
ถ้าเราคิดดอกเบี้ยเฉลี่ยที่ 8% ครัวเรือนทั้งหมดต้องจ่ายดอกเบี้ยเกือบ 1 ล้านล้านบาท หรือประมาณ 7% ของ GDP ซึ่งภาระหนี้เหล่านี้ส่งผลให้กำลังซื้อหายไปจากระบบเศรษฐกิจไทย
👉 สาเหตุการก่อหนี้เพื่อใช้ในครัวเรือน
(เป็นการก่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้)
การใช้เพื่อการอุปโภคบริโภค 40.3%
ซื้อบ้านหรือซื้อที่ดิน 34%
หนี้เพื่อใช้ในการศึกษา 1.8%
การก่อหนี้เพื่อใช้ในการลงทุนและอื่นๆ
หนี้ใช้ทำการเกษตร 12.9%
ใช้ทำธุรกิจ 10.5%
หนี้ต่อหัวเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว
จากประมาณ 70,000 บาท ณ สิ้นปี 2553
มาที่ประมาณ 150,000 บาท ณ สิ้นปี 2559
โดยกว่าร้อยละ 16 หรือประมาณ 3 ล้านคน
มีสถานะค้างชำระเกินกว่า 90 วัน ซึ่งเป็นกลุ่ม
ลูกหนี้ที่ต้องถูกเจ้าหนี้ติดตามทวงถามหรือ
อยู่ระหว่างกระบวนการทางกฎหมาย
(ณ ไตรมาส 3 ปี 2561)หนี้ครัวเรือนของไทย
อยู่ในระดับสูงที่ร้อยละ 77.8 ต่อ GDP หรือ
ร้อยละ 114.6 ต่อรายได้ประชาชาติ
สภาพัฒน์ ระบุว่า หนี้ครัวเรือน
ไตรมาส 1/2562 อยู่ที่ 78.7%
ข้อมูลจากบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ
พบว่าคนไทย เป็นหนี้เร็วขึ้น
เป็นหนี้นานขึ้น
เป็นหนี้มากขึ้น
=======================
ความเหลื่อมล้ำเป็นปัญหาใหญ่ของทุกประเทศในศตวรรษนี้
“ประเทศที่ภาวะเศรษฐกิจดี และมีแนวโน้มเติบโต ค่าเงินมักจะแข็งค่า”
นี่คือแนวคิดพื้นฐานทางเศรษฐศาสตร์
แต่ประโยคนี้อาจใช้ไม่ได้กับประเทศไทยในปัจจุบัน
แหล่งข้อมูล:
http://statbbi.nso.go.th/staticreport/page/sector/th/02.aspx
ประชากรอายุ15ปีขึ้นไป 56,465,170 คน
กำลังแรงงานรวม 38,365,150 คน
ผู้ไม่อยู่ในกำลังแรงงาน 18,100,020 คน
จำนวนประชากรปี2561: 66,413,979 คน
รายได้มวลรวมประชาชาติ 2560
ภาคการเกษตร 1,286,170 ล้านบาท
ภาคนอกการเกษตร14,165,789 ล้านบาท
GDP 15,451,959 ล้านบาท
■ การลดลงดูจากจำนวนคนผู้ศึกษา
2552 13,998,328 2556 13,606,743
2553 14,150,863 2557 13,362,513
2554 13,954,735 2558 13,385,929
2555 13,931,095 2559 13,205,484
■ การลดลงดูจากจำนวนคนผู้สอน
2553 705,447 คน
2554 696,231 คน
2555 691,472 คน
2556 692,843 คน
2557 641,793 คน
จะเห็นได้ว่าการลดลงของจำนวนคนของ
การศึกษาก็คือการลดลงของแรงงานใน
ปัจจุบันและอนาคตนั้นเองปัญหาแรกก็คือ
จำนวนการศึกษาจากพ.ศ.2553 ถึง 2559
ลดลงถึง 945,379 คนย่อมต้องทำให้ใช้
คนสอนน้อยลงไปตามธรรมดา
■ ข้อมูลระบบประกันสุขภาพปี 2558
ไม่มีสวัสดิการ 877,280 1.20 %
บัตรทอง 49,832,538 68.22 %
ประกันสังคม 10,844,015 14.85 %
ข้าราชการ 4,973,958 6.81 %
หน่วยงานรัฐ 722,846 0.99 %
ประกันสุขภาพ 4,440,135 6.08 %
นายจ้าง 1,355,360 1.20 %
■ เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ ปี2560
แพทย์ 35,388 คน
ทันตแพทย์ 9,760 คน
เภสัชกร 13,728 คน
พยาบาลวิชาชีพ 160,932 คน
พยาบาลเทคนิค 5,929 คน
👉 ข้อมูลปี 2560 พบว่า มีสถาน■ การลดลงดูจากจำนวนคนผู้ศึกษา
2552 13,998,328 2556 13,606,743
2553 14,150,863 2557 13,362,513
2554 13,954,735 2558 13,385,929
2555 13,931,095 2559 13,205,484
■ การลดลงดูจากจำนวนคนผู้สอน
2553 705,447 คน
2554 696,231 คน
2555 691,472 คน
2556 692,843 คน
2557 641,793 คน
จะเห็นได้ว่าการลดลงของจำนวนคนของ
การศึกษาก็คือการลดลงของแรงงานใน
ปัจจุบันและอนาคตนั้นเองปัญหาแรกก็คือ
จำนวนการศึกษาจากพ.ศ.2553 ถึง 2559
ลดลงถึง 945,379 คนย่อมต้องทำให้ใช้
คนสอนน้อยลงไปตามธรรมดา
■ ข้อมูลระบบประกันสุขภาพปี 2558
ไม่มีสวัสดิการ 877,280 1.20 %
บัตรทอง 49,832,538 68.22 %
ประกันสังคม 10,844,015 14.85 %
ข้าราชการ 4,973,958 6.81 %
หน่วยงานรัฐ 722,846 0.99 %
ประกันสุขภาพ 4,440,135 6.08 %
นายจ้าง 1,355,360 1.20 %
■ เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ ปี2560
แพทย์ 35,388 คน
ทันตแพทย์ 9,760 คน
เภสัชกร 13,728 คน
พยาบาลวิชาชีพ 160,932 คน
พยาบาลเทคนิค 5,929 คน
ประกอบกิจการทั้งสิ้น 381,954 แห่ง
มีจำนวนลูกจ้างรวม 8,977,095 คน
ไทยมีแรงงานต่างด้าวทั้งสิ้น 2.06ล้านคน
ซึ่ง 5 จังหวัดแรกที่มีจำนวนแรงงาน
ต่างด้าวมากที่สุด คือ
กรุงเทพฯ 3.41 แสนคน
สมุทรสาคร 2.21 แสนคน
ปทุมธานี 2.13 แสนคน
ชลบุรี 0.99 แสนคน และ
สุราษฎร์ธานี 0.98 แสนคน
👉 หนี้สินครัวเรือนไทยมีจำนวนครัวเรือน
ทั้งสิ้น 2.15 ล้านครัวเรือน
ปี 2558 เฉลี่ยต่อครัวเรือน
รายได้ 26,915 บาท
รายจ่าย 21,157 บาท
👉 โดยจากการเปิดเผยของ
นาย ภุชพงค์ โนดไธสง ผู้อำนวยการ
สำนักงานสถิติแห่งชาติ กล่าวว่า
ในช่วงครึ่งปีแรก(2560) พบว่า
ครัวเรือนที่มีหนี้สินคิดเป็น 51% ของ
ครัวเรือนทั้งประเทศ
หรือคิดเป็น 11 ล้านครัวเรือน
หนี้สินเฉลี่ย 177,128 บาทต่อครัวเรือน
👉🏾 หอการค้าไทยสำรวจหนี้ครัวเรือนปี 2562 เฉลี่ย 340,000 บาทต่อครัวเรือน อยู่ที่ 78 % ของ GDP
หมายความว่า หนี้สินของครัวเรือนทั้งระบบอยู่ที่ประมาณ 12 ล้านล้านบาท
ถ้าเราคิดดอกเบี้ยเฉลี่ยที่ 8% ครัวเรือนทั้งหมดต้องจ่ายดอกเบี้ยเกือบ 1 ล้านล้านบาท หรือประมาณ 7% ของ GDP ซึ่งภาระหนี้เหล่านี้ส่งผลให้กำลังซื้อหายไปจากระบบเศรษฐกิจไทย
👉 สาเหตุการก่อหนี้เพื่อใช้ในครัวเรือน
(เป็นการก่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้)
การใช้เพื่อการอุปโภคบริโภค 40.3%
ซื้อบ้านหรือซื้อที่ดิน 34%
หนี้เพื่อใช้ในการศึกษา 1.8%
การก่อหนี้เพื่อใช้ในการลงทุนและอื่นๆ
หนี้ใช้ทำการเกษตร 12.9%
ใช้ทำธุรกิจ 10.5%
หนี้ต่อหัวเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว
จากประมาณ 70,000 บาท ณ สิ้นปี 2553
มาที่ประมาณ 150,000 บาท ณ สิ้นปี 2559
โดยกว่าร้อยละ 16 หรือประมาณ 3 ล้านคน
มีสถานะค้างชำระเกินกว่า 90 วัน ซึ่งเป็นกลุ่ม
ลูกหนี้ที่ต้องถูกเจ้าหนี้ติดตามทวงถามหรือ
อยู่ระหว่างกระบวนการทางกฎหมาย
(ณ ไตรมาส 3 ปี 2561)หนี้ครัวเรือนของไทย
อยู่ในระดับสูงที่ร้อยละ 77.8 ต่อ GDP หรือ
ร้อยละ 114.6 ต่อรายได้ประชาชาติ
สภาพัฒน์ ระบุว่า หนี้ครัวเรือน
ไตรมาส 1/2562 อยู่ที่ 78.7%
หนี้ที่น่าเป็นห่วงมี 3 กลุ่มหลัก
1. กลุ่มวัยเริ่มต้นทำงานอายุ 25-35 ปี
ซึ่งสัดส่วน 50%
2. กลุ่มคนเกษียณอายุแล้ว
ที่พบว่า 20% ของคนกลุ่มนี้ยังมีหนี้
3. กลุ่มคนที่เข้าไม่ถึงสินเชื่อของ
สถาบันการเงิน จึงไปกู้หนี้นอกระบบ
👉🏿ข้อสรุปจากงานวิจัยของ
สถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ ข้อมูลจากบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ
พบว่าคนไทย เป็นหนี้เร็วขึ้น
เป็นหนี้นานขึ้น
เป็นหนี้มากขึ้น
=======================
ความเหลื่อมล้ำเป็นปัญหาใหญ่ของทุกประเทศในศตวรรษนี้
“ประเทศที่ภาวะเศรษฐกิจดี และมีแนวโน้มเติบโต ค่าเงินมักจะแข็งค่า”
นี่คือแนวคิดพื้นฐานทางเศรษฐศาสตร์
แต่ประโยคนี้อาจใช้ไม่ได้กับประเทศไทยในปัจจุบัน
แหล่งข้อมูล:
http://statbbi.nso.go.th/staticreport/page/sector/th/02.aspx