Skip to main content

5G​ Core Network

International Telecommunication Union : ITU) เป็นองค์การชำนัญพิเศษของสหประชาชาติ มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ 
นครเจนีวาประเทศสวิสเซอร์แลนด์ 
🌹​ ระบบ​ 5G​  ITU-R  ได้กำหนดมาตรฐาน
IMT for 2020 and beyond  ซึ่งมีขีดความสามารถในด้าน ต่างๆเพิ่มขึ้นจากมาตรฐาน  IMT-Advanced ของระบบ  4G  โดยมีรายละเอียดที่สำคัญตาม
แผนภาพใยแมงมุมในรูปที่  1   
เราจะเห็นว่าระบบ  5G  จะมี
อัตราการดาวน์โหลดและอัปโหลดสูงสุด
อยู่ที่ 20 Gbps และ 10 Gbps
อัตราการส่งข้อมูลสูงสุด
(Peak data  rate)  เพิ่มขึ้น  20  เท่า,
อัตราการส่งข้อมูล
(User experienced data rate)
ที่ผู้ใช้ได้รับเพิ่่มขึ้​น​ 10 เท่า,
ความหน่วงของระบบ  (Latency)
ลดลง  10  เท่า ,
ความสามารถในการรับข้อมูลในขณะเคลื่อนที่  (Mobility)  โดยสามารถรองรับการเคลื่อนที่มีความเร็วเพิ่มขึ้น 1.5  เท่า
ความหนาแน่นในการเชื่อมต่อ  (Connection  density)  ซึ่งหมายถึงจำนวนอุปกรณ์ที่ระบบสามารถรองรับได้เพิ่มขึ้น  10  เท่า
ประสิทธิภาพการใช้พลังงานของโครงข่าย  (Energy  efficiency)  เพิ่มขึ้น  100  เท่าประสิทธิภาพการใช้คลื่นความถี่  (Spectrum  efficiency)  เพิ่มขึ้น  3  เท่า  และอัตราการส่งข้อมูลสูงสุดต่อพื้นที่(Area  traffic  capacity)
  เพิ่มขึ้น 100 เท่า​ ซึ่งขีดความสามารถที่มากขึ้นเหล่านี้จะตอบสนองความสามารถในการรองรับ
การทำงานของระบบ 5G
 🌺 ​ แบ่งการใช้งาน​  3 ด้านหลัก
 1. enhanced Mobile Broadband
 (eMBB) คือ การใช้งานในลักษณะที่ต้องการการส่ง ข้อมูลความเร็วสูงในระดับกิกะบิตต่อวินาที  (Gbps)  ซึ่งการใช้งานลักษณะนี้ตอบสนองความต้องการการส่ง และรับข้อมูลที่มากขึ้นเรื่อย  ๆ
2. massive Machine Type       
    Communications  (mMTC) คือ
 การใช้งานที่มีการเชื่อมต่อของอุปกรณ์จำนวนมากในพื้นที่เดียวกัน โดยมีปริมาณมากถึงระดับล้านอุปกรณ์ต่อตารางกิโลเมตร  โดยการส่งข้อมูล ของอุปกรณ์ในการใช้งานลักษณะนี้  จะเป็นการส่งข้อมูลปริมาณน้อยๆ  ที่ไม่ต้องการความเร็วสูง  หรือ ความหน่วงเวลาต่ำ อุปกรณ์โดยทั่วไปมีราคาถูก  และมีอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ที่มากกว่าอุปกรณ์ทั่วไป  ซึ่งความสามารถนี้ทำให้ระบบ  5G  เหมาะสมกับการทำงานของอุปกรณ์จำพวก  IoT 
3. URLLC หรือ Ultra-reliable and  
 Low Latency Communications คือ
การใช้งานที่ต้องการ ความสามารถในการส่งข้อมูลที่มีความเสถียรมาก  รวมทั้งมีความหน่วงเวลา  (latency)  หรือความหน่วงในการ ส่งข้อมูลต่ำในระดับ  1  มิลลิวินาที  (ระบบ  4G  ในปัจจุบันรองรับความหน่วงเวลาในระดับ  10  มิลลิวินาที)  ซึ่ง ความสามารถนี้ทำให้ระบบ  5G  เหมาะกับการใช้งานระบบที่ต้องการความแม่นยำสูง  (critical  application) เช่น  การผ่าตัดทางไกลการควบคุมเครื่องจักรในโรงงาน
หรือการควบคุมรถยนต์ไร้คนขับ  เป็นต้น
🌹​ระบบ5G​ ต้องใช้เงินลงทุนโครงสร้าง
 พื้นฐานในการติดตั้งเสาอากาศและระบบ
 รับส่งสัญญาณใหม่ เพื่อรองรับแกน 
 mMTC และ URLLC ซึ่งการก้าวกระโดดทางเทคโนโลยีจะเกิดขึ้นในช่วง การทำ​Standalone 5G บนการใช้ ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) เพื่อทดสอบควบคุม​ การใช้งานรับส่งข้อมูลของแต่ละธุรกรรม
🌹Electronic Times ของไต้หวันรายงานว่าทั้ง Qualcomm และ Samsung ได้ปฏิเสธโอกาสที่จะทำหน้าที่เป็นซัพพลายเออร์จัดหาโมเด็มที่รองรับเครือข่าย 5G ให้กับ Apple, Qualcomm จะเมินการทำธุรกิจโมเด็ม 5G กับทางยักษ์ใหญ่จากซานดิเอโก
สำหรับ Samsung เองก็มีเหตุผลสำคัญเนื่องจากตัวปริมาณโมเด็ม Exynos 5100 5G ของทางค่ายมีไม่เพียงพอต่อความต้องการ ถึงแม้ว่าทาง Samsung จะสามารถเพิ่มกำลังผลิตชิปโมเด็มนี้ได้ แต่ก็อาจจะใช้เป็นข้อต่อรองในการตั้งโต๊ะเจรจากับทาง Apple เนื่องจากทางคู่กรณีชอบกดราคาให้ต่ำเพื่อให้ตนเองมีกำไรเพิ่มขึ้น
ทางด้าน Huawei ที่มีชิพ Balong 5000 ก็มีข่าวว่ายังลังเลที่จะขายให้กับบริษัทอื่น ในขณะที่ UniSOC (หลายคนอาจรู้ในชื่อผู้ผลิตชิพ Spreadtrum) อีกหนึ่งบริษัทที่กำลังพัฒนาโมเด็ม 5G ด้วยเช่นกัน แต่ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะสามารถนำมาใช้งานเชิงพาณิชย์ได้เมื่อใด
ด้วยเครือข่าย 5G ที่จะเปิดตัวเร็ว ๆ นี้ผู้ผลิตสมาร์ทโฟน OEM จะก้าวไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ผู้ให้บริการมือถือทั่วโลกกำลังอัปเกรดเป็นเครือข่าย 5G ซึ่งต้องอาศัยอาร์เรย์ที่หนาแน่นของเสาอากาศขนาดเล็กและคลาวด์เพื่อให้ได้ความเร็วข้อมูลที่สูงเป็นพิเศษ ในขณะเดียวกันผู้ผลิต OEM กำลังพยายามจัดหาโทรศัพท์มือถือที่มีวิทยุ 5G ในตัวเพื่อเชื่อมต่อกับเครือข่ายเหล่านี้ ส่วนประกอบที่สำคัญของมือถือเหล่านี้คือชิปเซ็ตโมเด็ม 5G ซึ่งสื่อสารกับจุดเชื่อมต่อที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายรุ่นต่อไป ในปัจจุบันผู้ผลิตชิปเซ็ตเพียงไม่กี่รายเท่านั้นที่กำลังผลิตโมเด็ม 5G เหล่านี้รวมถึง Qualcomm, Samsung, Huawei, MediaTek และ Intel
อุปกรณ์ Huawei ในอนาคตจะไม่สามารถสร้างเสาเพื่อใช้งานเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตที่เป็นมาตรฐาน Wi-Fi ซึ่งถือว่าเป็นมาตรฐานโลกได้
อุปกรณ์ Huawei จะไม่สามารถสร้าง Slot ที่ใช้ SD Card, mini SD และ microSD ในการเชื่อมต่อเพื่อโอนถ่ายข้อมูลได้ (แต่ Huawei มี Nano Memory Card ที่เป็นมาตรฐานของตัวเองแล้ว ณ ปัจจุบัน)
ไม่สามารถใช้ช่องการเชื่อมต่อ USB แบบมาตรฐานได้ (ปัจจุบันเป็น USB-C ซึ่งถูกใช้งานกับสมาร์ตโฟนทั่วโลก)
ไม่สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ Bluetooth ได้อีกต่อไป (เช่นหูฟังหรือลำโพง Bluetooth เป็นต้น)
huawai ยังไม่ต้องกังวลมากครับ อายุ donald trump ในตำแหน่ง เหลือน้อยกว่าครับ
22​พฤษภาคม​ 2562
Samsung และ Huawei สองบริษัทต่างฟ้องร้องกันเรื่องสิทธิบัตรกว่า 40 รายการ แต่การต่อสู้นั้นจบลงเป็นที่เรียบร้อยโดยทั้งสองบริษัทเลือกที่จะจับมือ ใช้สิทธิบัตรพื้นฐานร่วมกันครับ
Huawei ยื่นขอจดเครื่องหมายการค้าคำว่า Hongmeng ตั้งแต่ 24 สิงหาคม 2018 และได้รับอนุมัติในวันที่ 14 พฤษภาคม 2019 มีอายุคุ้มครองนาน 10 ปี
Huawei ยื่นจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าคำว่า "Huawei Ark OS", "Huawei Ark", "Ark", "Ark OS" ต่อสำนักงานทรัพย์สินทางปัญญาของสหภาพยุโรป (EUIPO) โดยเพิ่งยื่นขอจดทะเบียนเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคมที่ผ่านมานี้เอง

👉​ WiFi​802.11ax เป็น Wi-Fi ปี2019
 1.  รองรับการใช้งานมากขึ้น ทั้งอุปกรณ์, 
      จำนวนผู้ใช้, และอุปกรณ์ IoT โดยไม่ต้อง
      เพิ่มจำนวนโครงสร้างพื้นฐานมารองรับ
 2. ประสิทธิภาพเหนือชั้นมาก
     เน้นที่ความสามารถในการให้บริการโดยรวม
     ทั้งรองรับจำนวนอุปกรณ์พร้อมกันได้มากขึ้น
     และใช้ช่วงคลื่นที่มีอยู่ได้คุ้มค่ายิ่งกว่า
    ได้ประสิทธิภาพมากกว่าเดิม
    รวมทั้งสามารถผูกรวมทราฟิกหลายชนิด
    ทั้งวิดีโอ, วอยซ์, หรือ IoT ที่กินแบนด์วิธมาก 
   ส่งไปพร้อมกันได้โดยไม่เสียคุณภาพการสื่อสาร
3. รองรับพื้นที่ที่มีปริมาณการใช้งานหนาแน่นสูง
     การใช้ทรัพยากรสำหรับลิงค์อัพโหลดและ
     ดาวน์โหลดให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดบน
     ย่านความถี่ที่มีจำกัด
4. ออกแบบมาเพื่อรองรับ IoT
    การสนับสนุนฟีเจอร์ Flexible Channel Sizes
    และ Resource Units ที่ทำให้ผู้ให้บริการ
    รองรับการใช้งาน IoT ได้ดียิ่งขึ้น
5. การรองรับและใช้งานร่วมกัน
    สนับสนุนและใช้งานร่วมกับเทคโนโลยีเก่า
    อย่าง 802.11a/b/g/n/ac ได้อยู่ 
6. การออกใบประกาศรับรองอุปกรณ์มาตรฐานใหม่
🌹 Low Lotency Rate  ความไวในการตอบสนองต่อข้อมูล
🌹​ เสา​ 4g​ กับ​ 5g
      เสา​ 5G​ จะรองรับผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นในพื้นที่
      เท่าเดิม, เพราะ​ 5G​ มีเสาสัญญาณ​ขนาด
      เล็กเนื่องจากมีคลื่น​ความถี่​สั้นกว่า​ 4G
      จึงต้องใช้เสาจำนวนมากติดทั่วบริเวณ
     👉​ Millimeter wave  🌊 เป็นเทคโนโลยี่​
          ของ​ 5G​ ที่มีความถี่สูงความยาวคลื่นสั้น
          กว่า​ 4G​ ทำให้ส่งสัญญาณ​ไปได้ไม่ไกล
          👉​ เสาสัญญาณ​ 4G​ ไกล​ 10  กม.
                เสาสัญญาณ​ 5G​  ไกล​ 300  เมตร
                และผ่านผนังไม่ได้อากาศ​ไม่ดี​ ฝนตก
                สัญญาณ​หายได้
                 👉​  ปัญหานี้แก้ไขด้วยการสร้าง
                        จุดสัญญาณ​ขนาดเล็ก
👉​ 6G  จะทำให้​ AI​  ทำงานร่วมกันได้
      คุยกันได้แก้ปัญหาร่วมกัน.....
🌺ย้อนอดีต...
ยุค 1G
     โดยมือถือยุค 1G ในสหรัฐอเมริกา เมื่อปี 1984 ก็คือ Motorola DynaTAC 8000X ซึ่งถือว่าเป็นมือถือเครื่องแรกของโลก แต่การติดต่อสื่อสารในยุคนั้นทำได้แค่เพียงการโทรออกและรับสายเท่านั้น
ยุค 2G  เริ่มต้นในปี 1991​ 
การโทรออกและรับสายแล้วเพิ่ม
ระบบ SMS ที่สามารถส่งข้อความเบื้องต้น 160 ตัวอักษรให้กับโทรศัพท์มือถือในยุคนั้น ก้าวข้ามผ่านเพจเจอร์ที่ต้องโทรแจ้งโอเปอเรเตอร์ในการส่งข้อความ
(เป็นยุคของ​ Nokia 3310)​
ยุค 3G​ เริ่มต้นในปี 2006
การเชื่อมต่อไร้สายนั่นคือยุคของ 3G โดยถูกพัฒนาด้านการส่งผ่าน “Data” ขึ้นจากยุค 2G โดยใช้เวลากว่า 15 ปี​ เชื่อมต่อบนคลื่นความถี่ตั้งแต่ 400 MHz – 3GHz ซึ่งสามารถส่งข้อมูลได้ในระดับ 384 Kbps – 2 Mbps, มีระบบ​ GPS
(ยุคของ​ iPhone)​
ยุค 4G – 4.5G
ถูกตั้ง Standard ขึ้นในปี 2008 ใช้งานบนคลื่นความถี่ตั้งแต่ 700 MHz – 2600 MHz สามารถรับ – ส่งข้อมูลในระดับ 300 Mbps ซึ่งได้ถูกพัฒนาต่อเนื่องจนกลายเป็น LTE Advanced หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ 4.5G ที่สามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตแบบไร้สายได้ที่ความเร็วสูงสุดที่ 1.2 Gbps สามารถทำงานได้อย่างลื่นไหล ไม่มีสะดุด หรือแม้แต่การรับชม video on demand ระดับ 4K ก็สามารถทำได้แบบสบาย ๆ
ยุค 5G
HUAWEI MBB Forum 2017 ว่า มันคืออนาคตอันใกล้ของ 5G ที่เรากำลังก้าวไปถึง มีความสามารถต่าง ๆ มากมายไม่ว่าจะเป็นเรื่องการกระจายสัญญาณได้สูงถึง 300 เมตร
สามารถรับ – ส่งข้อมูลได้ที่ระดับ 20 Gbps โดยจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการพร้อมใช้งานจริง “ครั้งแรก” ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิค TOKYO 2020 ที่ประเทศญี่ปุ่น
(เจอโควิด-๑๙​ ทำให้​ Tokyo 2020  ต้องเลื่อน)